
มองญี่ปุ่น : จากนักท่องเที่ยวมือใหม่
การไปต่างสถานที่ ต่างบ้าน ต่างเมือง เรามักจะเจอกับสิ่งใหม่ๆ ที่อาจไม่เหมือนที่เราคุ้นเคยอยู่เสมอ มุมมองที่เราพบเห็นนั้นแน่นอนว่าเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับเรา (ที่อาจเก่าแสนเก่าสำหรับคนอื่นๆ) ซึ่งในความเป็นจริงอาจเป็นอย่างที่เห็น หรือไม่เป็นอย่างที่เห็นก็เป็นไปได้
ลองมาฟังมุมมองจากนักท่องเที่ยวมือใหม่กันดูนะครับ…
1. ตั๋วเครื่องบินกับที่พักจองล่วงหน้ายิ่งนานยิ่งได้ราคาดี อย่าไปคิดว่าใกล้ๆถึงวันเดินทาง พอตั๋ว/ที่พักเหลือเค้าก็จะลดราคาถูกๆให้เรา
2. อินเตอร์เน็ท เอาเข้าจริงจะใช้ปริมาณน้อยมากๆ เพราะเราแทบไม่มีเวลาเล่นเลยยย วันละ 500 MB ยังใช้ได้สบายๆ
3. การใช้ sim ใคร sim มัน โดยไม่ใช้ pocket wifi เป็นอะไรที่ทำให้การเที่ยวดูนู่นชมนี่มีความสะดวกสบายและเป็นอิสระอย่างมาก เพื่อนแวะดูตรงนี่ แต่เราอยากไปดูตรงนู้นนก็ทำได้เลยโดยยังสามารถใช้ internet หรือ line โทรติดต่อตามหากันได้ตลอด ไม่ต้องคอยเดินใกล้ๆกันเพื่อให้ใช้ wifi ได้
แต่ก็อะนะ sim ใคร sim มัน ก็จะมีราคาค่าใช้จ่ายมากกว่า pocket wifi อยู่พอสมควร
3. แท็กซี่เป็นแท็กซี่มิเตอร์ที่ไม่ขี้โกงแบบบางประเทศ ดังนั้นอย่าลังเลที่จะขึ้น โดยเฉพาะถ้าเดินทางซัก 4 คน และเดินทางไม่ไกล คำนวณแล้วราคาอาจสูงกว่ารถไฟเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
4. บางกรณีตั๋วเดินทางแบบเหมาอาจไม่ประหยัดมากกว่าแบบซื้อทีละเที่ยวอย่างมีนัยะสำคัญ แต่ก็ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นเพราะการซื้อตั๋วรถไฟทีละเที่ยวนั้นไม่ง่ายและเสียเวลาอยู่พอสมควร
5. โรงแรมแบบอพาร์ทเมนท์ที่ไม่มีพนักงานดูแลที่เค้าน์เตอร์ อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเพราะ นอกจากจะราคาถูกแล้วยังมีขนาดพื้นที่ใช้สอยมากกว่าโรงแรมแบบโรงแรม แต่การเข้าพักอาจจะงงๆเล็กน้อยถึงปานกลาง
6. โรงแรมแบบอพาร์ทเมนท์บางแห่งอาจมีเครื่องซักผ้า/อบผ้าบริการฟรีอยู่ในห้องพัก ถ้าขยันซักหน่อยนึงทำให้การเตรียมเสื้อผ้าลดจำนวนลงอย่างมากจนอาจไม่ต้องซื้อน้ำหนักเพิ่มเลยทีเดียว
7. ยุคนี้การแลกเงินและพกเงินที่เป็นกระดาษจำนวนมากๆอาจไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป เพราะเราสามารถแลกใส่ไว้ใน travel card แล้วค่อยไปกด atm ที่ปลายทางได้ ซึ่งนอกจากจะ fixed อัตราแลกเปลี่ยนตามวันที่แลกแล้ว บาง card อาจไม่คิดค่าธรรมเนียมในการกดเงินเลยยย
8. อย่าวางโปรแกรมท่องเที่ยวในแต่ละวันไว้แน่นเกินไปเพราะเราอาจตื่นสาย/หรือหาที่กินข้าวเหมาะๆไม่ได้/หรือที่กินข้าวร้านดังมีคิวยาว/หรือหลงทาง/หรืออื่นๆ ทำให้โปรแกรมคลาดเคลื่อนอย่างคาดไม่ถึง
9. อาหารในร้านสะดวกซื้ออาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะหากไม่ใช่สายตะลุยกินร้านดังตามรีวิว การซื้อติดกระเป๋าไว้เผื่อเหลือเผื่อขาดจึงไม่ควรมองข้าม
10. การทำการบ้านมาอย่างดีก่อนการเดินทาง เป็นเรื่องที่ควรทำ ซึ่งการเปรียบเสมือนการอ่านหนังสือก่อนสอบมาอย่างดี เวลาเจอโจทย์ถ้าตรงกับที่อ่านมาก็สบาย แต่ถ้าโจทย์ไม่ตรงกับที่อ่านมา ก็ยังสามารถพลิกแพลงได้
11. การสอบถามผู้คนท้องถิ่นรอบข้างทันทีถ้าหลงทางหรือเกิดอาการไม่มั่นใจมักเป็นคำแนะนำที่ใช้ได้เสมอ แต่ที่ญี่ปุ่นอาจมีข้อจำกัดเรื่องภาษาอังกฤษในระดับมากถึงมากที่สุด แต่แกก็พยายามอธิบายด้วยภาษาญี่ปุ่นอย่างมากมาย ทั้งๆที่เราฟังไม่ออกเลยก็ตาม (ฮา)
12. การชมนกชมไม้ มองนู่นนี่นั่นระหว่างการนั่งรถนั่งลา จะทำให้การท่องเที่ยวเต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจ ซึ่งจะดีมากกว่าการนั่งก้มหน้าเล่นแต่โทรศัพท์เป็นไหนๆ
13. ตามถนนหนทาง ไม่เจอหมาจรจัดซักตัวไม่ว่าจะเป็นเช้ามืดหรือค่ำๆ ทำให้การเดินตามตรอกซอกซอยมีความสบายใจอย่างสูงสุด ไม่ต้องคอยระวังหมาเจ้าถิ่นอย่างบางประเทศ
14. พูดแล้วจะหาว่าโม้ หลายๆวันในการเดิน เดินและเดินที่ญี่ปุ่น ไม่เห็นขยะตามถนนหนทางเลยแม้แต่ชิ้นเดียว นอกจากนั้นบางเมืองยังเห็นคนหนุ่มสาวใส่เสื้อนอกผูกไทด์ช่วยกันเก็บขยะตามถนนเป็นกลุ่มๆ เหมือนจิตอาสาอีกต่างหาก
15. ความเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆระหว่างการเดินทาง เช่นท้องเสีย เป็นไข้หวัด ปวดหัว ตัวร้อน รองเท้ากัด หกล้มแขนขาถลอก เป็นแผล พกช้ำดำเขียว หรือแม้กระทั่งกระเพาะปัสสาวะอักเสบ (สำหรับคุณผู้หญิง) ก็เป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้ การเตรียมยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์เล็กๆน้อยๆติดตัวไปด้วยเป็นสิ่งที่ไม่เสียหลาย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใช้ก็ไม่เป็นไร เอากลับมาใช้บ้านเราก็ได้
แต่ถ้าไม่ได้เตรียมไปแล้วถึงคราวจำเป็นต้องใช้นี่เป็นเรื่องใหญ่เลยนะครับ เพราะเราจะเดินไปขอซื้อยาที่ร้านขายยาในญี่ปุ่นนั้น เป็นเรื่องที่มีความเป็นไปได้เกือบเท่ากับศูนย์เลยทีเดียว
16. การประกันการเดินทาง ในแง่ของค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มในการเดินทางนั้นจะว่ามากก็มาก เพราะหากซื้อประกันไว้แล้วไม่ได้ใช้ เงินก้อนนั้นก็เท่ากับหายไปอย่างเฉยๆเลย แต่หากเคราะห์หามยามร้ายจำเป็นต้องใช้ขึ้นมาละก็ ถือเป็นอะไรที่คุ้มแสนคุ้มเลยนะครับ
เอาง่ายๆ แค่การแคะก้างปลาติดคอ อาจต้องใช้เงินหลักหมื่นบาทเลยนะครับ ดังนั้น การทำไว้ดีกว่าไม่ทำ (นี่ ไม่ได้เป็นนายหน้าขายประกันนะครับ ขอบอก (ฮา))
อ้าว… ข้อ 15. กับ 16. นี่ ไม่เห็นจะเกี่ยวกับญี่ปุ่นตรงไหนเลยเนอะ(ฮา)
17. กลับมาที่ญี่ปุ่นกันต่อนะครับ…… นอกจากรถไฟที่เราๆมักจะใช้กันเป็นหลักแล้ว การขึ้นรถบัสระหว่างจังหวัดหรือระหว่างเมืองก็เป็นอะไรที่ใช้เดินทางได้นะครับ นอกจากราคาไม่แพงแล้ว ยังถือเป็นการเปิดประสบการณ์อีกแบบนึงนะครับ
18. รถบัสระหว่างเมืองอย่างที่ว่า ก็จะมีที่เก็บกระเป๋าเดินทางไว้ที่ใต้ท้องรถแบบเดียวกับบ้านเรา แต่ที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเลยคือ เค้าไม่มีเด็กท้ายรถหรือไม่มีพนักงานสาวๆ(สวยๆ) มาคอยบริการเราแบบรถนครชัยแอร์ของบ้านเรานะครับ รถทั้งคันมีคนขับเพียงคนเดียวเท่านั้นครับพี่น้อง
19. รถบัสจะไม่ติดเครื่องและไม่เปิดแอร์ในระหว่างที่จอดรอกำหนดการเดินทาง ทำให้คนรวยๆอย่างเรารู้สึกอึดอัดนิดนึง เพราะบ้านเราหากคนขับไม่เปิดแอร์ไว้รอ ได้มีร้องเรียนแน่นอนนนน
20. อ้อ… เมื่อไม่มีพนักงานสาวๆ(สวยๆ) มาคอยบริการบนรถ การประกาศแจ้งข่าวสารต่างๆ จะทำโดยระบบเครื่องและคนขับรถ เราในฐานะมือใหม่หัดนั่งก็ต้องคอยนั่งเอียงหูฟัง ซึ่งเป็นที่รู้ๆกันว่าถึงแม้จะมีประกาศเป็นภาษาอังกฤษด้วย แต่เราซึ่งเชียวชาญภาษาอังกฤษ(น้อย) ก็ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง จึงต้องคอยดูจอมอนิเตอร์ที่หน้ารถว่า รถถึงไหนแล้ว เหลืออีกกี่ป้ายถึงจะถึงที่หมาย อะไรทำนองนั้น
21. ท่าจอดรถบัสที่อยู่ในเมืองใหญ่หลายๆแห่ง เค้าไม่ได้จอดบนพื้นราบที่อยู่กับพื้นนะครับ นู่นเลยครับอยู่ในอาคารอยู่บนชั้น 2 ชั้น 3 หรือมากกว่า ดังนั้น การจะขึ้นรถบัสบางทีเราไปมองหาตามพื้นราบไม่ได้นะครับ
22.